เรื่องราวของสารทจีน ตามตำนานเล่าขานกันว่ามาจากศาสนาพุทธมีเรื่องของมู่เหลียนช่วยมารดา (目连救母) มู่เหลียนเป็นลูกกตัญญูของเศรษฐีคนหนึ่ง ในเมืองหม้อเจี๋ยของประเทศอินเดีย บิดาเป็นนักบุญช่วยเหลือและให้ทานชาวบ้าน ส่วนมารดาเป็นคนประเภทตระหนี่เห็นเงินทองยิ่งกว่าชีวิต ไม่ยอมให้ทานช่วยเหลือคนอื่น เห็นพระและชีเหมือนกับศัตรู
ต่อมาบิดามารดาของมู่เหลียนก็เสียชีวิตตามกันไป มู่เหลียนรู้สึกเสียใจมาก ละทิ้งความมั่งมีศรีสุขของบ้านตนเอง สมัครเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า จนกระทั่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้มรรคผล เขาก็ได้เป็นลูกศิษย์หนึ่งในจำนวนสิบองค์ของพระพุทธเจ้า มู่เหลียนหลังจากตรัสรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วขึ้นไปบนสวรรค์ เขาก็ได้เห็นบิดาของเขาอยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุข แต่ไม่เห็นมารดา เขารู้ทันทีว่ามารดาของเขาตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ ไม่เคยทำความดีทำบุญทำทานแก่ผู้ยากไร้ เมื่อเสียชีวิตตกนรก อดๆอยากๆ ซ้ำร้ายยังถูกแทงด้วยมีดและไฟลวกอย่างทารุณ
มู่เหลียนไปที่นรกพบมารดาก็เอาข้าวปลาอาหารในบาตรป้อนมารดาของเขา แต่ยังไม่ทันเข้าปากมารดา ข้าวปลาอาหารเหล่านั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่าน มู่เหลียนรู้สึกเสียใจมาก จึงได้อธิฐานอ้อนวอนให้พระพุทธเจ้าช่วยชี้แนะวิธีทำให้มารดาของเขาพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าก็เทศนาสั่งสอนมู่เหลียน กำหนดให้ทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 จัดพิธีทิ้งกระจาด โดยให้นำอาหารแห้งใส่ในกระจาดแล้วให้พระสงฆ์สวดมนต์เทศนาพระธรรม เซ่นไหว้ผีสางเทวดาที่ไร้ญาติทั้งหลาย ทำให้พวกผีสางวิญญาณไร้ญาติ กินจนอิ่มหนำแล้ว มารดาของเขาก็จะได้ของที่ตักบาตรไปให้ มู่เหลียนทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ จากนั้นมารดาก็ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่เขาทำให้ และมารดาของเขาก็ได้ออกจากเมืองนรก ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกเลย
“มู่เหลียนช่วยมารดา ” เป็นเรื่องที่สอนให้คนเราต้องทำแต่ความดีทำบุญทำทาน กตัญญูต่อบิดามารดา จึงจะเกิดผลอันดีงามดังนั้นจึงมีการเล่าขานกันว่าเดือน 7 เป็นเดือนที่เมืองนรกเปิดประตู ปลดปล่อยผีสางและเปรตต่างๆออกมาหากินชาวบ้านทุกที่จัดให้มีการทิ้งกระจาดเรียกว่า“หวีหลานเผิงหุ้ย ” (于兰盆会) หรือเรียกอีกชื่อว่า “ซื่อกู ”ถึงวันที่ 15 ค่ำ เดือน 7 ทุกบ้านต่างก็เซ่นไหว้เทวดาฟ้าดินพระสงฆ์องค์เจ้าบรรพบุรุษ และเซ่นไหว้ผีสางวิญญาณไร้ญาติต่างหวังจะให้ผีสางและเปรตต่างๆได้กินอิ่ม แล้วไปสถิตที่ตนเอง มนุษย์เราก็อยู่อย่างสุขสำราญต่อไป
ต่อมาบิดามารดาของมู่เหลียนก็เสียชีวิตตามกันไป มู่เหลียนรู้สึกเสียใจมาก ละทิ้งความมั่งมีศรีสุขของบ้านตนเอง สมัครเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า จนกระทั่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้มรรคผล เขาก็ได้เป็นลูกศิษย์หนึ่งในจำนวนสิบองค์ของพระพุทธเจ้า มู่เหลียนหลังจากตรัสรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วขึ้นไปบนสวรรค์ เขาก็ได้เห็นบิดาของเขาอยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุข แต่ไม่เห็นมารดา เขารู้ทันทีว่ามารดาของเขาตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ ไม่เคยทำความดีทำบุญทำทานแก่ผู้ยากไร้ เมื่อเสียชีวิตตกนรก อดๆอยากๆ ซ้ำร้ายยังถูกแทงด้วยมีดและไฟลวกอย่างทารุณ
มู่เหลียนไปที่นรกพบมารดาก็เอาข้าวปลาอาหารในบาตรป้อนมารดาของเขา แต่ยังไม่ทันเข้าปากมารดา ข้าวปลาอาหารเหล่านั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่าน มู่เหลียนรู้สึกเสียใจมาก จึงได้อธิฐานอ้อนวอนให้พระพุทธเจ้าช่วยชี้แนะวิธีทำให้มารดาของเขาพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าก็เทศนาสั่งสอนมู่เหลียน กำหนดให้ทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 จัดพิธีทิ้งกระจาด โดยให้นำอาหารแห้งใส่ในกระจาดแล้วให้พระสงฆ์สวดมนต์เทศนาพระธรรม เซ่นไหว้ผีสางเทวดาที่ไร้ญาติทั้งหลาย ทำให้พวกผีสางวิญญาณไร้ญาติ กินจนอิ่มหนำแล้ว มารดาของเขาก็จะได้ของที่ตักบาตรไปให้ มู่เหลียนทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ จากนั้นมารดาก็ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่เขาทำให้ และมารดาของเขาก็ได้ออกจากเมืองนรก ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกเลย
“มู่เหลียนช่วยมารดา ” เป็นเรื่องที่สอนให้คนเราต้องทำแต่ความดีทำบุญทำทาน กตัญญูต่อบิดามารดา จึงจะเกิดผลอันดีงามดังนั้นจึงมีการเล่าขานกันว่าเดือน 7 เป็นเดือนที่เมืองนรกเปิดประตู ปลดปล่อยผีสางและเปรตต่างๆออกมาหากินชาวบ้านทุกที่จัดให้มีการทิ้งกระจาดเรียกว่า“หวีหลานเผิงหุ้ย ” (于兰盆会) หรือเรียกอีกชื่อว่า “ซื่อกู ”ถึงวันที่ 15 ค่ำ เดือน 7 ทุกบ้านต่างก็เซ่นไหว้เทวดาฟ้าดินพระสงฆ์องค์เจ้าบรรพบุรุษ และเซ่นไหว้ผีสางวิญญาณไร้ญาติต่างหวังจะให้ผีสางและเปรตต่างๆได้กินอิ่ม แล้วไปสถิตที่ตนเอง มนุษย์เราก็อยู่อย่างสุขสำราญต่อไป