เทศกาลหยวนเซียว หรือคนจีนเรียกกันว่าเทศกาลโคมไฟ ตามตำนานเล่าขานกันว่า เริ่มจากราชวงศ์ฮั้น พระเจ้าฮั้นเหวินตี้ ( 汉 文 帝 ) ได้กำหนดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย ของทุกปี เป็นหยวนเซียว เพราะคำว่า “เซียว” (宵 )แปลว่าค่ำคืน
ในเทศกาลหยวนเซียว ได้มีการฉลองกันอย่างครึกครื้น ตั้งแต่ราชวงศ์ฮั้น เป็นต้นมา ทุกบ้านเรือนจะใช้ขนมอี๋ ( 汤 圆 ) คนไทยเรียกว่า “ขนมบัวลอย” เซ่นไหว้เทวดาฟ้าดินและบรรพบุรุษ ตอนกลางคืนก็ตกแต่งโคมไฟอย่างสวยงาม และร้องรำทำเพลง ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงวันรุ่งขึ้น ที่ประเทศจีนมีการประกวดโคมไฟหลากหลายรูปแบบ สวยงามวิจิตรตระการตาทั่วประเทศอีกด้วย
กำเนิดโคมไฟในเทศกาลหยวนเซียว มีตำนานเล่าไว้มากมาย แต่ที่น่าเชื่อถือคือมาจากประเพณี “ส่องตัวไหม” ( 照 田蚕 ) ของชาวนา คือชาวนาจะใช้โคมไฟแขวนไว้บนยอดไม้ไผ่ แล้วปักไว้กลางทุ่งนาเฝ้าดูว่าโคมไฟที่แขวนอยู่จะเปล่งสีอะไร เพื่อพยากรณ์ถึงการเพาะปลูกของปี ถ้าไฟกระเดียดไปทางสีขาวจะเกิดอุทกภัย สีแดงเกิดการแห้งแล้ง ซึ่งเป็นวิธีพยากรณ์อันเก่าแก่ของชาวนาเมื่อครั้งโบราณกาล ต่อมามีการประกวดแข่งขันกัน จึงต่างประดิษฐ์โคมไฟ “ส่องตัวไหม” ให้แปลกประหลาด เลอเลิศสะดุดตายิ่งขึ้น ความหมายดั้งเดิมก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความสนุกสนานรื่นเริงไป
ชาวจีนโพ้นทะเลและคนจีนที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ในวันเทศกาลหยวนเซียวก็มีการไหว้เทวดาฟ้าดินและเซ่นไหว้บรรพบุรุษ พอถึงเวลากลางคืนโคมไฟตามศาลเจ้าต่างๆสว่างไสว เต็มไปด้วยชายหญิงที่มีจิตศรัทธาต่างพากันมาไหว้ขอพรหรือแก้บน เครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ตามหน้าศาลเจ้า เช่น น้ำตาลรูปสิงห์โต ส้ม กระดาษเงินกระดาษทอง ธูป เทียน และอื่นๆขายดิบขายดี เนื่องจากผู้มีจิตศรัทธามาซื้อเครื่องเซ่นไหว้เพื่อขอพร หรือผู้มาแก้บนกับเทพเจ้านั้นจะต้องซื้อเครื่องเซ่นไหว้เพิ่มเป็นเท่าตัวของปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันคำว่า “หยวนเซียว 元 宵 ” มีความหมายสองอย่างคือ เป็นทั้งชื่อเรียกของเทศกาล อีกทั้งเป็นชื่อเรียกของขนมหวาน “บัวลอย” อีกด้วย